ข่าวตลาดทุน

Title : WHA Group Q3/2566 กำไร141% (YoY) จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาทต่อหุ้น

2023-11-10 By. Admin [View 539]

บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ประกาศข่าวดี 3 เด้ง ฟอร์มเด่น โชว์งบไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 2,745 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,706 ล้านบาท และกำไรปกติ 609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% (YoY) จากการเติบโตของ 4 กลุ่มธุรกิจ ล่าสุด บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 2566 ในอัตรา 0.0669 บาทต่อหุ้น จ่อขึ้น XD วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดการจ่ายเงิน วันที่ 8 ธันวาคม 2566 ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” ส่งสัญญาณบวกตอกย้ำยอดขายที่ดิน 2,750 ไร่ตามเป้า ส่งซิก Q4 เติบโตต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้การขายที่ดินให้กับบริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด หนึ่งในกลุ่มยานยนต์ชั้นนำ 4 กลุ่มของจีน จำนวน 250 ไร่ และรายได้การขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ พร้อมยืนหนึ่งติดอันดับหุ้นยั่งยืน 4 ปีซ้อน ด้วย SET ESG Ratings ประจำปี 2566 สูงสุดที่ระดับ “AAA”

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และกำไรสุทธิ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% และกำไรปกติ 609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2565 (YoY)

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 8,434 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,012 ล้านบาท โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 8,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และกำไรปกติ 1,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% (YoY)

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือน ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ตามลำดับ สอดคล้องกับการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และแข็งแกร่ง ของ 4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ ทั้งในประเทศ และเวียดนาม และแสดงถึงการมีศักยภาพในการบริหารทางการเงินที่ดี ส่งผลให้บริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ รวมถึงความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนทั้งจากตลาดทุน และสถาบันการเงิน อาทิ การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต 



นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 เติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้เป็นผลจากการขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค (น้ำและไฟฟ้า) และธุรกิจดิจิทัล โซลูชัน ที่เติบโตสอดรับกระแสการย้าย/ ขยายฐานการลงทุนและฐานการผลิต ที่ดึงดูดการเข้ามาลงทุนแบบระยะยาว ส่งผลให้ภาคการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง สะท้อนถึงศักยภาพความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ WHA Group ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun เพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 และด้วยปัจจัยดังกล่าว ส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการของ 4 กลุ่มธุรกิจ 

ธุรกิจโลจิสติกส์  มีผลงานการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยจะมีการเซ็นสัญญาเช่ากับลูกค้ารายใหม่          
ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงส่งมอบพื้นที่เช่าให้กับลูกค้าได้ตามแผนงานที่วางไว้  ทำให้โดย 9 เดือนแรก บริษัทฯ ได้มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน / คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 81,196 ตารางเมตร ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงรวม 142,255 ตารางเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 100,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,845,132 ตารางเมตร อีกทั้งมีความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 286  ล้านบาท และ 798 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ภายหลังจากประสบความสำเร็จความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้า/ ศูนย์กระจายสินค้าคุณภาพสูง ในโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 บนเนื้อที่รวมกว่า 400 ในโครงการ เฟส 1 ส่งผลให้ต้องเร่งพัฒนาโครงการเฟส 2 เพื่อรองรับความต้องการเช่าพื้นที่ที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัท Webasto จำกัด บริษัทผู้จัดหาชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ได้ลงนามในสัญญาเช่าอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ขนาดพื้นที่ 13,083 ตารางเมตร ในพื้นที่เฟส 2 นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังมีกลุ่มลูกค้าอาทิ กลุ่มผู้ผลิต/ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และผู้ให้บริการโลจิสติกส์อีกหลายรายที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าลูกค้าจะทยอยลงนามในสัญญาเช่าได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมพัฒนาโรงงานแบบ Built-to-Suit (ส่วนขยาย) ให้กับลูกค้าผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 เพื่อรองรับความต้องการโรงงานแบบ Built-to-Suit ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ กม. 23 (ขาเข้า) บนพื้นที่ให้เช่ารวม 46,000 ตารางเมตร ที่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่ลงนามในสัญญาเช่าไปแล้ว อาทิ บริษัท ไดนาแพค โรด อีควิปเม้นท์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านการผลิตเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้างถนน ได้ลงนามในสัญญาเช่าในการพัฒนา Showroom สำหรับแสดงสินค้า แบบ Built-to-Suit เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันยังมีผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ที่อยู่ระหว่างการเจรจาสนใจเช่าพื้นที่ในโครงการดังกล่าวอีกหลายราย

“บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานที่ทันสมัยให้เช่า โดยปัจจุบันมีโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าจำนวน 5 แห่ง บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร และมีโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ Quant Sukhumvit 25 อาคารสำนักงาน 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรม บนพื้นที่รวม 9,900 ตารางเมตร ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท-อโศก ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีผู้เช่าเริ่มทยอยเข้าทำสัญญาและย้ายเข้าแล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการอาคารแบบ Mixed Use พื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ย่านธุรกิจใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2567 และโครงการ Medical Center แบบ Built-to-Suit พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ที่ได้มีการลงนามในสัญญากับผู้เช่าและเริ่มก่อสร้างไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา” 

WHA Group ยังคงมุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ ควบคู่กับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมีแผนพัฒนาโครงการคลังสินค้าให้เช่าแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ขนาด 35,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ใกล้กับกรุงฮานอย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างให้กับลูกค้าภายในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ สะท้อนจากการพัฒนาโครงการอาคารสีเขียวแห่งแรก รวมถึงโครงการ Green Logistics ซึ่งเป็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ที่จะนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มผู้ให้บริการรถบรรทุกไฟฟ้า หรือ EV Truck หลายราย โดยคาดว่าจะสามารถทยอยลงนามในสัญญาเช่าได้ภายในปีนี้

สำหรับความคืบหน้าในการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART นั้น ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHART มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจำหน่ายทรัพย์สินประเภทคลังสินค้าพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 142,583 ตารางเมตร เป็นมูลค่า 3,567 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2566
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิต ส่งผลให้ความต้องการใช้
ที่ดินอุตสาหกรรมของนักลงทุนชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น อันเป็นผลเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group และจากปัจจัยดังกล่าวตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย พร้อมเร่งการขยายธุรกิจในเวียดนามให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 2,032 ไร่ (ไทย 1,617 ไร่ / เวียดนาม 415 ไร่) และยอด MOU รวม 991 ไร่ (ไทย 561 ไร่ / เวียดนาม 430 ไร่) สำหรับไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,012 ล้านบาท และ 3,535 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับยอดขายที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบกระโดดนั้น สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนของประเทศไทยที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิต (Relocation) เข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อันเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์รอบโลก อาทิ ปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และสงครามอิสราเอล - ฮามาส เป็นต้น ส่งผลให้มีผู้ลงทุนจากต่างชาติ อาทิ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐฯ ย้ายฐานการลงทุนมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ความต้องการในการขยายฐานการผลิต (Expansion) ก็มีส่วนช่วยดึงดูดการเข้ามาลงทุนแบบระยะยาว โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 1,493 ไร่ (ไทย 1,252 ไร่ / เวียดนาม 241 ไร่)
ปัจจุบัน WHA Group มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12 แห่ง ที่พร้อมรองรับความต้องการของนักลงทุน รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม แห่งใหม่ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง เฟส 1 (1,100 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยปัจจุบัน มีกลุ่มลูกค้าบางรายได้ลงนาม ในสัญญาซื้อขายที่ดินและ/ หรือทำการจองไปแล้ว อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และ ผู้ผลิต/จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น โดยบริษัทฯ คาดว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะมีลูกค้าลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินและ/ หรือทำการจองเป็นพื้นที่รวมกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ขายโครงการเฟส 1 ส่งผลให้ต้องเร่งดำเนินการพัฒนาเฟส 2 (1,100 ไร่) ในเร็วๆนี้ อีกทั้งยังมีเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี 2 (2,400 ไร่) ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2569 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 เฟส 3 พื้นที่ 630 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 พื้นที่ 480 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 เฟส 3 พื้นที่ 330 ไร่
และล่าสุดบริษัทฯ ปิดดีลบิ๊กโปรเจค โดยลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด หนึ่งในกลุ่มยานยนต์ชั้นนำ 4 กลุ่มของจีน จำนวน 250 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 ภายใต้การสนับสนุนจากบีโอไอในการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพื่อสร้างโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา ทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) ด้วยกำลังการผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี และยังมีแผนจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งดีลการขายที่ดินครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่มากกว่าการเป็นฐานการผลิต อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดสู่การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์ในระยะต่อไปในอนาคตอีกด้วย
ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมใ

TAGS :

ข่าวที่เกี่ยวข้อง